วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ความฝันอันสูงสุด (The Impossible Dream)

        
         เมื่อ พ.ศ. 2512 ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาคได้รับพระราชเสาวนีย์จากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้เขียนบทกลอนแสดงความนิยมส่งเสริมคนดีให้มีกำลังใจทำงานเพื่ออุดมคติเพื่อประเทศชาติ ออกมาเป็นกลอน 5 บท 
         สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถโปรดให้พิมพ์บทกลอนนี้ลงในกระดาษการ์ดแผ่นเล็ก ๆ พระราชทานแก่ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และผู้ทำงานเพื่อประเทศชาติ เตือนสติมิให้ท้อถอยในการทำความดี ต่อมา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงใส่ทำนองเพลงในคำกลอน "ความฝันอันสูงสุด" ใน พ.ศ. 2514 ร้องโดย ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค
ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ
ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว
ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ
ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง
จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา
ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร
ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา
ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา
ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป
นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง
หมายผดุงยุติธรรม์อันสดใส
ถึงทนทุกข์ทรมานนานเท่าใด
ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน
โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่
เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน
คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ
ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย

The Impossible Dream

         ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาคประพันธ์กลอน ความฝันอันสูงสุด โดยถอดความมาจากเพลง The Impossible Dream ซึ่งเป็นเพลงละครบรอดเวย์ มาจากเรื่อง Man of La Mancha แสดงระหว่างปี 2508-2514 บทละครเขียนโดย Dale Wasserman ทำนองเพลงโดย Mitch Leigh และคำร้องโดย Joe Darion ต่อมาได้รับการสร้างเป็นหนังในปี 2515 เป็นเรื่องราวของดอน กิโฮเต้ (Don Quixote)
To dream ... the impossible dream ...
To fight ... the unbeatable foe ...
To bear ... with unbearable sorrow ...
To run ... where the brave dare not go ...
To right ... the unrightable wrong ...
To love ... pure and chaste from afar ...
To try ... when your arms are too weary ...
To reach ... the unreachable star ...
This is my quest, to follow that star ...
No matter how hopeless, no matter how far ...
To fight for the right, without question or pause ...
To be willing to march into Hell, for a Heavenly cause ...
And I know if I'll only be true,
to this glorious quest,
That my heart will lie peaceful and calm,
when I'm laid to my rest ...
And the world will be better for this:
That one man, scorned and covered with scars,
Still strove, with his last ounce of courage,
To reach ... the unreachable star ...
สามารถดู MV ได้ที่ ลิงก์นี้

ซึ้ง!...พี่ชายที่แสนดีแบกน้องพิการไปเรียนร่วม 8 ปี

       
          ความรักของพี่น้องฝาแฝดคู่หนึ่ง ที่เขตมองโกเลียใน ที่พี่ชายทำหน้าที่เป็นขาแบกน้องชายที่พิการขึ้นหลังไปโรงเรียนมานานถึง 8 ปี ภาพ ที่ชาวเมืองชีเฟิง ในมองโกเลียใน ได้เห็นเป็นประจำ เพราะ นายจ้วง ฮงฉวน จะคอยดูแลและแบก จ้วง ฮุยฉวน น้องชายฝาแฝด ขึ้นหลังไปไหนมาไหนตั้งแต่เรียนชั้นประถมแล้ว          
         หากย้อนไปในอดีต ทั้งคู่เป็นเด็กปกติดี แต่ตอนอายุ 4 ขวบ ทั้งคู่ป่วยเป็นโรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบพร้อมกัน หลังใช้เวลารักษาหลายปี ตัวพี่ชายหายเป็นปกติ เดินได้ตอนอายุ 9 ขวบ แต่ตัวน้องชายนั้น กลายเป็นคนพิการเดินไม่ได้ตัวพี่ชายเล่าว่า
         เขาเริ่มกลับมาเรียนหนังสือ ตอนอายุ 13 ปี ซึ่งเมื่อเวลาที่เขากลับมาจากโรงเรียน น้องชายของเขาจะคอยถามเรื่องราวที่เรียนในห้องเรียนทุกเรื่อง และเปิดดูหนังสือ และสมุดโน้ตเขาทุกเล่ม ซึ่งภาพที่เห็นทำให้เขารู้สึกเศร้ามากเขาจึงสัญญากับตัวเองว่าจะเปลี่ยนโชคชะตาของน้อง และจะทำหน้าที่เป็นขาแทนให้น้องเอง โดยแบกน้องไปทุกๆ ที่ที่เขาไปตั้งแต่นั้นมา และพอถึงเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัย เมื่อปี 2009 ตัวเขาสอบเข้าได้ แต่น้องสอบไม่ได้ เขาก็ยอมเสียเวลาหนึ่งปี อยู่กับน้องและติวหนังสือ เพื่อให้เข้าเรียนพร้อมกันในปีถัดมาแม้ว่าจะมีรถเข็นไปไหนมาไหน แต่อาคารไม่เอื้ออำนวย เขาจะต้องแบกน้อง ขึ้นบันไดไปตามห้องเรียนต่างๆ          
        สำหรับ ความฝันอันสูงสุดของตัวพี่ชาย เขาพยายามที่จะทำงานเก็บเงิน เพื่อรักษาน้องชาย เพราะอยากจะเห็นน้องของเขากลับมาวิ่งและกระโดดเหมือนเดิมอีกครั้ง

 

ประโยชน์ของนม


           
          หลายคนคงทราบดีอยู่แล้วว่า นมมีประโยชน์มากเพียงใดต่อกระดูก ซึ่งนมเป็นแหล่งสำคัญของแคลเซียมและโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย และในวัยเด็กยังเป็นช่วงที่ทุกคนจะต้องดื่มนมให้มากๆ แต่พอโตขึ้นคุณอาจกำลังหลงลืมการดื่มนมไปตามวัยของตนเอง

          เชื่อหรือไม่ว่า ยังมีข้อมูลระบุเอาไว้ว่า เด็กไทยจำนวนมากยังมีความสูงไม่ถึงเกณฑ์มาตรฐานสากล และยังระบุอีกว่า โดยเฉลี่ยแล้วคนไทยยังดื่มนมเพียงแค่วันละ 2 ช้อนโต๊ะเท่านั้นซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงในการดูแลสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามประโยชน์ของนมนั้นใช่จะมีแต่การเสริมสร้างกระดูกเท่านั้น มาดูกันว่าประโยชน์ของนมมีอะไรอีกบ้าง....

          ช่วยป้องกันกระดูกเปราะง่าย

          นอกจากเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงแล้ว พอถึงช่วงวัยก้าวเข้าสู่วัยรุ่นการดื่มนมจะช่วยให้กระดูกของเรายาวขึ้น และหากว่าในช่วงนี้สะสมไว้อย่างเต็มที่แล้วนั้น จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดกระดูกเปราะ กระดูกพรุน ซึ่งหากแก่ตัวไปกระดูกของคนเราจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกเปราะได้ง่าย นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ยืดหดของกล้ามเนื้อ ซึ่งแคลเซียมในน้ำนม ยังทำหน้าที่ยืดหดของกล้ามเนื้อได้ด้วย

          ลดความดันและมะเร็งลำไส้

          งานวิจัยจากสหรัฐฯ และยุโรปได้มีการศึกษาวิจัยกันออกมาว่านมมีส่วนในการช่วยลดความดันโลหิตสูง และลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ การดื่มนมจึงควรหันมาดื่มนมให้ได้อย่างน้อยวันละ 1 แก้ว เพื่อสุขภาพร่างกายที่ห่างไกลจากโรคต่างๆ เหล่านี้

          ช่วยสาวๆ ควบคุมน้ำหนัก

          อย่างน้อยบ้านทุกบ้านจะต้องมีนมติดไว้ในตู้เย็นเอาไว้ เพราะมีผลการศึกษาออกมาว่ากลุ่มผู้ที่ดื่มนมเป็นประจำจะสามารถควบคุมน้ำหนักได้ดีกว่าคนที่ไม่ดื่มนม หรือดื่มในปริมาณที่น้อย เพราะแคลเซียมที่เราได้รับจากนมที่ดื่มเข้าไป จะช่วยเข้าไปขัดขวางการสร้างหรือสะสมของชั้นไขมัน และเมื่อมีการสะสมน้อยลงร่างกายของเราก็จะเกิดการเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น หากดื่มได้วันละ 3 - 4 กล่องจะยิ่งช่วยให้น้ำหนักตัวลดลงมากกว่าการทานอาหารที่มีแคลเซียมอื่นๆ ตาม

          บางคนอาจคิดว่าการดื่มนมแล้วจะทำให้ตัวเองรู้สึกไม่สบายท้อง หรือท้องเสีย อันที่จริงพอคนเรา อายุ 6 ขวบขึ้นไปจะมีน้ำย่อยที่ย่อยแล็กโทสในน้ำนม ซึ่งเกิดขึ้นในระบบทางเดินอาหาร และน้ำตาลนั้นจะทำให้กลายเป็นกรด และเกิดแก๊สขึ้นในกระเพาะอาหาร ซึ่งเกิดจากการดื่มนมไม่สม่ำเสมอ แต่สำหรับคนที่ดื่มเป็นประจำจะเกิดการปรับตัวและไม่ทำให้เกิดอาการดังกล่าวได้

          อย่าลืมดื่มนมเป็นประจำนะคะ...เพื่อร่างกายที่แข็งแรง